Skip to main content

First Day in Bali (Denpasar and Kuta)

เดินทางเช้าวันจันทร์ที่ 4 พ.ค. คืนวันอาทิตย์ไม่หลับไม่นอนกัน
กลัวว่าจะตื่นไม่ทัน โทรเรียกแท๊กซี่มารับหน้าบ้านตอนตีสามกว่าๆ
ไปถึงสุวรรณภูมิ ตีสี่ครึ่ง เคาท์เตอร์ Air asia เปิดเช็คอินแว้ว
นั่งๆ นอนๆ หลับตาไป สี่ชั่วโมง ถึงแล้ว Bali หาดสวรรค์ (หรือเปล่า?)

อันดับแรกต้องนำสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมก่อน ใช้บริการ Taxi ของสนามบิน
จ่ายไป 70 000Rp หรือประมาณ 200 กว่าบาท ถือว่าแพงพอสมควร
เพราะระยะทางไปโรงแรมประมาณ 4o กิโลเมตรเอง ถึงแล้วโรงแรมที่เราจองไว้
ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นไง เนื่องจากจองทางอินเตอร์เน็ตเห็นว่าสวยและถูก
ที่สำคัญวันแรกยังไงก็ต้องมีฐานที่มั่นก่อนล่ะ โรงแรมที่เราเลือกติดถนนใหญ่
ออกแนวสัมมนามากกว่ามาพักผ่อน ทำไงได้ล่ะ จองมาแล้วนี่นาแต่ก็สวยนะ

ตอนแรกกะว่าจะนอนเอาแรงสักตื่นแล้วค่อยไปท่องเที่ยว แต่นายอาร์ตตื่นตา
นอนไม่หลับเอาซะแล้ว ไปก็ไป เดี๋ยวค่อยกลับมานอนที่เมืองไทยก็ได้
ว่าแล้ว สองหนุ่มสาวชาวไทยก็เช่ามอไซค์ของโรงแรมซึ่งก็น่าจะเป็นของพนักงาน
เมืองท่องเที่ยวจริงๆ หากินกะนักท่องเที่ยวไปตามท้องถนนจะมีผู้คนรอคอยให้บริการ
(หรือทำให้รำคาญกันแน่??) เป็นการให้บริการที่น่ากลัวมากกว่า
ขอบอกว่านักท่องเที่ยวเค้ากลัวและรำคาญ แต่ที่เมืองไทยก็มีเหมือนกันล่ะนะ

กลับมาเข้าเรื่องของการท่องเที่ยวต่อดีกว่า หลังจากได้มอไซค์
เราก็แปลงร่างเป็นเด็กแว้นกันทันที หาข้าวกินกันก่อนเลย บ่ายสองแล้วยังไม่ได้กินไรเลย
เราจะไปตามหาร้านในหนังสือกัน ปรากฎว่าหลง หลง แล้วก็หลงอีก ถนนป้ายก็ไม่มี
ถามใครก็พูดภาษาปะกิตไม่ได้กัน วนไปวนมาจนถึงหาดคูต้า
สุดท้ายก็กินก๋วยเตี๋ยวในร้านอาหารจีน กรรม! ท้องอิ่ม ชีพจรลงเท้าครับ
ไปพิพิธภัณฑ์กันดีกว่า มีตั้งหลายที่ แต่ก็ไปไม่ถึงสักที ที่ไปถึงก็ปิด
ก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่นา มาเลยครับลุงคนนึงตรงดิ่งเข้ามาเลย
เราก็นึกว่าน้ำใจงามพาชมวัดข้างๆ พิพธภัณฑ์ที่ปิด พาวนไปวนมา
พูดแต่เรื่องซ้ำๆ เราก็อยากจะถ่ายรูปกัน แกก็พาเดินอยู่นั่นแหละ
จบภารกิจด้วยการโขกสับค่าพาชมกับค่าผ้าคาดเอว เราอุตส่าห์เตรียมผ้าถุงไปเอง
โดนไปเกือบ 100 000 Rp ซึ้งใจจริงๆ กลับโรงแรมกันดีกว่า

หิวอีกแล้ว 1ทุ่มแล้วหรือนี่ อาบน้ำออกไปหา อาหารพื้นเมืองกินดีกว่า
ก่อนออกถามข้อมูลร้านอาหาร ผับต่างๆ จากโรงแรม เค้าก็ใจดี
บอกมาตั้งหลายร้าน แต่ที่นี้เค้าบอกระยะทางกันแปลกดี ไม่ได้บอกเป็น กิโลเมตร
เค้ากลับบอกระยะทางเป็นนาที งง ป่ะล่ะ งง เลย ขี่ไปประมาณห้านาทีก็จะเจอร้าน
ว่าแต่เค้าจะรู้ได้ไงว่าเราใช้ความเร็วเท่าไรหว่า? ทุกคนใช้เวลาแค่ห้านาทีเท่ากันจริงๆ เหรอ?

สุดท้ายเราก็หาผับหรือร้านอาหารที่เค้าแนะนำไม่เจอ วี่แววแห่งการหลงทางมาอีกครั้ง
เผอิญแอบเห็นร้านข้างทาง เราเลยต้องยุติการเดินทางและแวะกินร้านนี้
ข้าวกับไก่ทอด อร่อยมากแต่ต้องกินด้วยมือ มื้อนี้หมดไป 70 000Rp
กลับโรงแรม สามทุ่มกว่า หลับเป็นตาย หมดไปหนึ่งวันในบาหลี




บรรยากาศตอนตีห้า ที่สุวรรณภูมิ

Yani Hotel



ล้าน รูเปีย


อาหารมื้อแรก ในบาหลี

Kuta Beach


Kuta Beach with cool guy


Shadow of Love


ลุงไกค์ถ่ายให้ ค่าถ่ายรูปแพงจัง


สะก๊อย in Bali



ขี่รถหลงไปอ่ะ....โรงละครสวยดี


อาหารค่ำ













Comments

foolstops said…
ไปทำอะไรที่บาหลีอ่ะ คริคริๆ

Popular posts from this blog

เครื่องแบบตำรวจไทย

ตั้งแต่เป็นสาวซ่าของยอดชายนายอาร์ต ก็มีความสนใจในวงการตำรวจมากขึ้น เมื่อวานก็เป็นเจ๊ดันโชว์ตัวยอดชายนายอาร์ตไปเรียบร้อยแล้ว เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมยอดชายนายอาร์ตมีเครื่องแบบหลายชุดจัง?? ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ได้เรื่องมาเล่าให้ฟังดังนี้นะจ๊ะ หลังจากมีผู้สนใจเข้ามาชมกันมากมาย ก็เลยนำเครื่องแบบมาเพิ่มให้ชมกัน หรือแวะไปได้ที่ http://www.geocities.com/pocady35/uniform.htm เครื่องแบบเต็มยศ ประกอบด้วย 1.หมวกปีกทรงแข็งสีกากี มียอดโลหะสีเงิน (หมวกยอด)2.เสื้อนอกคอปิดสีกากี3.กางเกงขายาวสีกากี ติดแถบสีเลือดหมูดำ ที่ข้างขา ทั้ง 2 ข้าง4.กระดุมเงิน 7 เม็ด5.อินทรธนูแข็งบอกชั้น6.เข็มขัดและคันชีพสีขาว7.รองเท้าหนังครึ่งน่อง สีดำ8.ถุงมือสีขาว โอกาสที่ใช้ 1.กองเกียรติยศ เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาท2.กองเกียรติยศต้อนรับประมุขของต่างประเทศ เครื่องแบบครึ่งยศ ประกอบด้วย 1.หมวกหม้อตาลสีกากี สายรัดคางดิ้นสีเงิน2.เสื้อนอกคอปิดสีกากี3.กางเกงขายาวสีกากี ติดแถบสีเลือดหมูดำ ที่ข้างขาทั้ง 2 ข้าง4.อินทรธนูแข็งบอกชั้น5.เข็มชัดและสายคันชีพสีขาว6.กระดุมเงิน 7 เม็ด7.รองเท้าหนังครึ่งน่อ

พิธีกงเต๊ก

เมื่อวันก่อนได้ไปงานศพคุณตาของพี่ณี เป็นการจัดงานศพแบบจีน ซึ่งไม่เคยไปมาก่อนเลย เคยเห็นแต่ผ่านๆ พอได้ไปสัมผัสจริงๆ รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ทรงคุณค่า มีความหมายทุกขั้นตอน ก็เลยลองมาค้นหาความหมาย เลยเอามาให้อ่านกันด้วย สุดท้ายก็ขอแสดงความเสียใจกับพี่ณีอีกครั้งนะคะ กงเต็ก เป็นคำสองคำประกอบเป็นคำใหม่ที่ให้ความหมายครบถ้วนว่า กง แปลว่า ทำแทน เต็ก แปลว่า ทำให้ กงเต็ก หมายถึง การที่ลูกหลานทำบุญกุศล ทั้งทำแทนตัวผู้ตายและทำให้ผู้ตายด้วย เพื่อให้ผู้ตายได้กุศลผลบุญมาก ๆ และมากพอจะไปขึ้นสวรรค์สุขาวดีขององค์อมิตาภพระพุทธเจ้า พิธีกงเต็กจะมี 3 แบบด้วยกัน 1. แบบพระจีนเป็นผู้ทำพิธี ซึ่งถ้าต่างนิกายก็มีรายละเอียดต่างกัน ที่เห็นชัดเจนคือช่วงงานพระศพสมเด็จย่า มีการทำ พิธีกงเต็ก หลายครั้งมาก และจากต่างคณะพระจีนกัน 2. แบบคนธรรมดาประกอบพิธี เป็นผู้ชายสวมชุดพระจีนสีขาว 3. แบบกงเต็กจีนแคะ จะเป็นนางหรือ "ชี" ทำพิธี แต่ไม่ใช่นางชีโกนหัว หากเป็นชีซึ่งเป็นสาวสวย แต่งหน้าทำผม สวยงาม บางท่านเรียกนางชีพวกนี้ว่า.... เจอี๊ การทำพิธีกงเต็กจะใหญ่ หรือเล็กขึ้นอยู่กับจำนวนพระที่นิมนต์มาสวด ถ้าเป็นกงเต็กใหญ่จะต้องนิมนต

บริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน)

บริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2523 โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2534 และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนภายใต้ชื่อ บริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2537 บริษัทได้จัดตั้งโรงงานผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและได้ทำพิธีเปิดโรงงาน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2525 ทำการผลิตและจำหน่ายมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor) สำหรับใช้กับเครื่องทำความเย็น เช่น ตู้เย็น ตู้แช่ ตู้ทำน้ำเย็น ตู้เย็นเชิงพาณิชย์ และเครื่องปรับอากาศเป็นสินค้าหลัก และทำการผลิต Condensing Unit สำหรับใช้กับระบบทำความเย็นในเชิงพาณิชย์ (Commercial Refrigeration) รวมทั้งชิ้นส่วนมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ และชิ้นส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า บริษัทมีบริษัทย่อยสามแห่ง คือ (1) บริษัท กุลธรเคอร์บี้เฟาน์ดรี่ จำกัด ผลิตชิ้นส่วนเหล็กหล่อ (Quality Casting) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์และ ยานยนต์ (2) บริษัท กุลธรพรีเมียร์ จำกัด ผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ รว